October 2014 — Tudsinjai.com : Blog area : แหล่งรู้คู่การตัดสินใจ


จากบทความของ รศ.ดร.แก้ว กังสดาลอำไพ นักพิษวิทยาทางอาหารและโภชนาการ เรื่องเกี่ยวกับการใช้ขวดพลาสติก กล่าวไว้ว่า

ในปัจจุบันข้อมูลข่าวสารมากมายที่แชร์ต่ๆกันมา ว่ากันว่าการกินน้ำบรรจุขวดทำให้เป็นหมันถ้าปล่อยทิ้งไว้ในรถยนต์ หรืออย่างกรณีทิ้งขวดพลาสติกใสที่ใส่น้ำดื่มบรรจุขวดลงแม่น้ำลำคลองอาจทำให้ปลากลายเป็น "ตุ๊ด" ได้ เพราะสารที่เป็นองค์ประกอบในพลาสติดหลุดลงแม่น้ำเมื่อปลากินสารนั้นไปจะทำให้มันกลายเพศได้ หรือในกรณีที่เคยมีพิธีกรข่าวพญากรณ์อากาศของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งได้ให้ความรู้นอกเหนือไปจากการพยากรณ์อากาศว่า การบรรจุน้ำในขวดพลาสติกที่เคยใช้แล้วและเอามาบรรจุน้ำไปแช่ในช่องฟรีซ สารในกลุ่มไดออกซินจะหลุดออกมาปนเปื้อนในน้ำดื่ม

สารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเหตูการณ์ข้างต้น คือ บิสฟีนอล เอ (Bisphenol A) ซึ่งเป็นสารป้องการการออกซิไดส์ (สารป้องกันการเสื่อมสภาพของสาร) ในพลาสติไซเซอร์ (plasticizer) ที่ใช้ในการผลิตพลาสติกชนิดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ คือ กลุ่มที่มี recycle code เบอร์ 3 คือ พีวีซี (PVC) ชนิดแผ่นอ่อน (ไม่เกี่ยวกับท่อพีวีซี) ซึ่งใช้ห่ออาหาร และที่มี recycle code เบอร์ 7 คือ โพลีคาร์บอเนต โดยสารบิสฟีนอลเอนั้นมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตเจน) ตัวอย่างเช่นการนำมาทำขวดนมทารก ตัวเลขเหล่านี้ดูได้ที่ก้นขวดพลาสติกต่างๆ ซึ่งจะเห็นพร้อมเครื่องหมาย recycle

ที่น่าตะลึงก็คือ ข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เผยแพร่อยู่ในอินเตอร์เน็ตมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน โดยเฉพาะเรื่องสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็งนั้นคือ สารไดออกซินนั้นมีฤทธิ์ก่อมะเร็งและทำให้ลูกที่อยู่ในครรภ์มีความผิดปกติ พอมีข่าวว่าสารพิษนี้หลุดออกมาจากขวดพลาดสติกใส คนที่กำลังตั้งท้องก็กังวลว่าช่วงที่ให้นมแม่จะใช้ขวดอะไรใส่นมลูกดี ไดออกซินมักเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตสารเคมีที่มีคลอรีนเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังตัวอย่างการผลิตสารกำจัดวัชพืช 2,4D และ 2,4,5-T ซึ่งใช้สารประกอบของคลอรีนเป็นองค์ประกอบสำคัญ ในขณะที่ขวดพลาสติกใสที่เรียกว่าขวด PET ไม่ได้มีคลอรีนร่วมในการผลิต โอกาศเกิดไดออกซินจึงไม่น่าเป็นไปได้ ดังนั้นข้อมูลเกี่ยวกับขวดพลาสติกในรายการพยากรณ์อากาศที่กล่าวถึงนั้น จึงเป็นการเอาข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมารายงานโดยไม่สอบถามจากนักวิชาการว่าจริง

ผู้บริโภคข่าวมักสับสนว่าขวดพลาสติกใสหนือขวด PET (Polyethylene terephthalate) ที่ใช้บรรจุเครื่องดื่มหรือน้ำดื่มอาจมีสารบิสฟีนอลเอหลุดออกมา ความสงสัยนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะขวดที่เป็นจำเลยนั้นทำมาจากพลาสติกใสที่เรียกกันว่าโพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate) ซึ่งมีความใสและแข็งกว่า ที่สำคัญคือ แพงกว่า ท่านผู้อ่านอาจสัมผัสบอสฟีนอลเอได้โดยไม่รู้ตัวจากโพลีไวนิลคอลไรด์ ซึ่งใช้ผลิตแผ่นพลาสติกใสสำหรับห่ออาหารหรือที่เรียกว่า แรบพ์ (wrap) ชาวไทยหลายคนได้มีประสบการณ์การสัมผัสแผ่นพีวีซีที่ห่อหุ้มแซนด์วิชต่างๆ โดยไม่ค่อยทราบว่าถ้านำเอาแซนด์วิชที่มีแผ่นพลาสติกห่อหุ้มอาหารอยู่นั้นไปอุ่นให้ร้อนด้วยไม่โครเวฟ มีโอกาศที่บิสฟีนอลเอและโมโนไวนิลคลอไรด์ที่ติดอยู่ในแผ่นพลาสติกสามารถหลุดออกมาปนเปื้อนอาหารได้ ถึงแม้ว่าองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Drug Administration) และศูนย์พิษวิทยาแห่งชาติ (National Toxicology Program) ได้เคยสรุปแล้วว่าบิสฟีนอลเอที่หลุดออกมาจากภาชนะพลาสติกไม่ก่อปัญหาด้านสุขภาพ (เพราะน้อยมาก) แต่ความเห็นนี้แต่งต่างจากความเห็นของหน่วยงานด้านสุขภาพในแคนาดาที่มองว่าอาจเกิดปัญหาต่อตัวอ่อนในท้องแม่ที่ได้รับสารดังกล่าวได้ เพราะสารนี้มีฤทธิ์และจะมีคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนสามารถรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเพศ ซึ่งนักพิษวิทยาส่วนใหญ่ตระหนักในความน่ากลัวของสารกลุ่มนี้

จากการวิจัยในหลายๆหน่วยงาน ก็ยังไม่ยืนยันในเรื่องสารบิสฟีนอลเอ ภาชนะพลาสติกใสที่ทนร้อนได้ท่านคงต้องยอมเสี่ยงที่จะรับสารดังกล่าวบ้าง มันอาจไม่เลวร้ายนัก เช่นในรายของขวดนมเวลาล้างขวดนมพลาสติกด้วยการต้ม น้ำที่ใช้ต้มเราก็เททิ้งไป แต่ยังไม่มีใครรับประกันว่ามีบิสฟีนอลเอติด อยู่กับผนังขวดหรือไม่ ดังนั้น หน่วยงานท้องถิ่นของรัฐมินนิโซตาและคอนเน็ตทิคัตของสหรัฐอเมริกา จึงได้เริ่มห้ามการจำหน่ายภาชนะพลาสติกที่มีบิสฟีนอลเอเป็นส่วนผสม และอย่างน้อยผู้ผลิตภาชนะพลาสติกรายใหญ่ 5 รายในสหรัฐอเมริกา ได้หยุดการผลิตหรือเพิ่มทางเลือกในการผลิตภาชนะพลาสติกประเภทอื่น ที่ไม่มีบิสฟีนอลเอให้กับผู้บริโภคแล้ว ตัวอย่างเช่น มีข่าวในอินเตอร์เน็ตว่า บริษัท Nalgene ซึ่งผลิตขวดพลาสติกคุณภาพสูงหลายชนิด ที่ใช้ทั้งในห้องปฏิบัติการเคมี และใช้เป็นขวดบรรจุน้ำและอาหาร ได้แนะนำผู้บริโภคว่า ถ้าไม่แน่ใจในการใช้ขวดพลาสติกใสทนร้อนชนิดโพลีคาร์บอเนต ก็ขอเชิญให้หันกลับไปใช้ขวดพลาสติกขุ่น ที่บริษัทเองก็ผลิตขายแทนได้เช่นกัน เพื่อความสบายใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ข้อมูลดังกล่าวนี้ได้มากจาก เว็บไซต์ www.ecopledge.com

ผู้เขียนบทความได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องความกังวลของขวดนมไว้ว่า "ดังนั้นน่าจะถึงเวลาหันกลับไปใช้ขวดนมแก้วได้แล้ว หรือถ้าจะให้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์แก่ลูกน้อย นมจากเต้านั้นแหละดีที่สุดครับ"

เรียบเรียงจาก นิตยสาร HealtToday ฉบับที่ 156 เมษายน 2014 และ greenworld.or.th



วันอาทิตย์

อาหารคาว : ประเภทไข่ ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ลูกเขย ไข่ต้ม แกงกะทิ

อาหารหวาน : ไข่หวาน มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก้ว ขนมใส่กะทิ น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะพร้าว น้ำขิง เงาะ

ของถวายพระ : หลอดไฟ ไฟฉาย เทียน ธูป อุปกรณ์แสงสว่าง แว่นตา หมากพลู

ไหว้พระ : ปางถวายเนตร (พระประจำวันเกิด) กำลังวันเท่ากับ 6 (สวดแบบย่อ อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ สวด 6 จบ)

ทำทาน : กับคนตาบอด โรงพยาบาลโรคตา มูลนิธิคนตาบอด โรงพยาบาลโรคหัวใจ มูลนิธิโรคหัวใจ เติมน้ำมันตะเกียงตามวัด

พฤติกรรม : ออกรับแสงอาทิตย์อ่อนๆช่วงเช้าหรือเย็นๆ เพื่อให้เกิดพลัง อย่าใจร้อน เลิกทิฐิ ประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น



วันจันทร์

อาหารคาว : ประเภทสัตว์ปีก สัตว์น้ำ เช่น ไก่ผัดขิง ไก่ย่าง ไก่ทอด ปูผัดผงกะหรี่ ปูนึ่ง ข้าวมันไก่ ข้าวผัดปู เต้าหู้ทอด แกงจืดเต้าหู้ แกงเผ็ดเป็ดย่าง ปลาสลิดทอด

อาหารหวาน : น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง น้ำอ้อย โดนัท นมสด นมกล่อง เผือก มัน ลางสาด ขนมเปี๊ยะ

ของถวายพระ : แก้ว แจกัน ของโปร่งๆใสๆ

ไหว้พระ : ปางห้ามญาติ (พระประจำวันเกิด) กำลังวันเท่ากับ 15 (สวดแบบย่อ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา สวด 15 จบ)

ทำทาน : มูลนิธิช่วยเหลือสตรี

พฤติกรรม : ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ อย่าวิตกกังวลจนเกินเหตุ ให้ความช่วยเหลือแก่สตรี เช่น ลุกให้ที่นั่งบนรถเมล์ หมั่นบริหารกล้ามเนื้อหน้าอกให้แข็งแรง


วันอังคาร

อาหารคาว : อาหารประเภทเส้น ขนมจีน วุ้นเส้น บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว เนื้อวัว ปล่ช่อนตากแห้งทอด

อาหารหวาน : ฝอยทอง สลิ่ม ลอดช่อง ทุเรียน ระกำ ขนุน น้ำสไปรท์ น้ำอัดลม

ของถวายพระ : เหล็ก เครื่องมือประเภทเหล้ก กรรไกร แปรงสีฟัน ยาสีฟัน พัดลม กรรไกรตัดเล็บ

ไหว้พระ : ปางไสยาสน์ (พระนอน) มีกำลังเท่ากับ 8 (สวดแบบย่อ ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง สวด 8 จบ)

ทำทาน : คนพิการปากแหว่ง ผู้ป่วยโรคลมชัก

พฤติกรรม : ทำตัวให้กระฉับกระเฉง ตื่นตัว ขยันให้มากขึ้น ลดอารมณ์ร้อน ละเว้นการชิงดีชิงเด่น


วันพุธกลางวัน

อาหารคาว : เน้นสีเขียว-หมู แกงเขียวหวานหมู หมูปิ้ง หมูทอด ผัดพริกหมู คะน้าน้ำมันหอย

อาหารหวาน : ขนมเปียกปูนเขียว น้ำฝรั่ง ชมพู่เขียว องุ่นเขียว มะม่วงเขียวเสวย ฝรั่ง ชามะนาว

ของถวายพระ : สมุด กระดาษ ปากกา ดินสอ อุปกรณ์การเรียนการศึกษา

ไหว้พระ : ปางอุ้มบาตร (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 17 (สวดแบบย่อ ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท สวด 17 จบ)

ทำทาน : คนพิการทางหู โรงพยาบาลโรคสมอง โรงเรียนสอนคนหูหนวก

พฤติกรรม : อ่านหนังสือธรรมะ ร้องเพลง ฝึกสร้างความมั่นใจให้ตนเอง

วันพุธกลางคืน

อาหารคาว : ของหมักดอง ผักกาดดองผัดไข่ อาหารกระป๋อง แกงใบยอ หมูยอ แหนม ไข่เยี่ยวม้า ห่อหมก

อาหารหวาน : ข้าวหมาก ขนมเปียกปูนดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลไม้หัวโตๆ ทุเรียน

ของถวายพระ : พัดลม เทปธรรมะ ยาแก้โรคลม ยาหอม

ไหว้พระ : ปางปาลิไลยก์ (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 12 (สวดแบบย่อ คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ สวด 12 จบ)

ทำทาน : มูลนิธิหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับยาเสพติด

พฤติกรรม : เลิกบุหรี่ เลิกดื่มหรือลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เลิกการพนัน เลิกทำตัวเหลวไหล เลิกเที่ยวกลางคืน เลิกยาเสพติดทุกชนิด


วันพฤหัสบดี

อาหารคาว : ประเภทเถา แกงเลียง บวบผัดไข่ น้ำเต้า

อาหารหวาน : แตงโม แตงไทย น้ำสมุนไพร ส้ม สาลี่ น้ำมะตูม น้ำว่านหางจระเข้

ของถวายพระ : สบง จีวร หนังสือธรรมะ ตู้ยา โต๊ะหมู่บูชา

ไหว้พระ : ปางสมาธิ (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 19 (สวดแบบย่อ ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ สวด 19 จบ)

ทำทาน : โรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคข้าวสาร เสื้อผ้า ผ้าห่มกันหนาว

พฤติกรรม : นั่งสมาธิ สวดมนต์ ถือศีล 5 ระวังตน อย่าพาซื่อจนเกินไป


วันศุกร์

อาหารคาว : ประเภทของหอมหวาน ข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ไข่เจียว หอมใหญ่ ยำหัวหอม

อาหารหวาน : ขนมหวานหอมทุกชนิด น้ำเก๊กฮวย ผลไม้ที่มีกลิ่นหอม กล้วยหอม เค้ก

ของถวายพระ : นาฬิกา โต๊ะรับแขก ดอกไม้สวยหอม ระฆัง ย่าม

ไหว้พระ : ปางรำพึง (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 21 (สวดแบบย่อ วา โธ โน อะ มะ วา สวด 21 จบ)

ทำทาน : เด็กด้อยโอกาส ให้เงิน ให้เสื้อผ้า อาหารที่หอมหวานชวนกิน เช่น ไอศกรีม

พฤติกรรม : ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใส บำรุง ดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สวยงาม เลิกการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

วันเสาร์

อาหารคาว : ประเภทของขม ของดำ มะระยัดไส้ สะเดาน้ำปลาหวาน น้ำพริกปลาทู มะเขือยาว

อาหารหวาน : ลูกตาลเชื่อม กาแฟ โอเลี้ยง

ของถวายพระ : ร่มสีดำ กระเบื้องมุงหลังคา ไม้กวาด สร้างห้องน้ำถวายพระ

ไหว้พระ : ปางนาคปรก (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 10 (สวดแบบย่อ โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ สวด 10 จบ)

ทำทาน : โรงพยาบาลโรคจิต โรงพยาบาลประสาท

พฤติกรรม : กวาดลานวัด ล้างห้องน้ำวัด ไม่เครียด มองโลกในแง่ดี ขยะในบ้านยกทิ้งทุกวัน อย่าหมักหมม

ข้อมูลจาก "แก้กรรม! ทำเองได้ เรียบเรียง: จิตศรัทธา พุทธานุภาพ" ที่ระลึกงานฌาปนกิจศพ ด.ต.ธวัชชัย บรรพต 26 ตุลาคม


Sitemap Tudsinjai.com

หลังจากตอนที่แล้วได้ดำเนินการตัด keywords หลักจำนวน 90 คำ ที่มีอยู่ในทุกๆหน้า ... สิ่งที่ทำต่อมาคือ ใช้บริการ AdWords ด้วยคำหลักชุดหนึ่ง ผ่านไป 2 วันก็ยังไม่ดีขึ้น ยอดจำนวนคนเข้า 2 วันต่อมาแค่ 38 และ 32 ตามลำดับ เริ่มจะกลุ้มแหระมันเกิดอะไรขึ้นหว่า ค้นหาข้อมูลในอินเตอร์ไปทั่วหาวิธีการแก้ไขก็ไม่มีวิธีการใดจะแก้ แม้แต่ข้อมูลสาเหตุก็ยังไม่กระจ้าง


พอดี้พอดีไปเจอโปรแกรมสร้าง sitemap ของเว็บไซต์ก็เลยทำๆไป แล้วส่ง update อีกครั้ง (เคยส่งให้ google ไปแล้วแต่ไม่ได้ update) ส่งไปคืนของวันที่ 8 กันยายน 2556 ตืนเช้ามาของวันที่ 9 ก็ยังปกติจนจบวัน ได้ยอดคนเข้า 46 ราย งงเหมือนกันแฮะถ้ามันค่อยๆขึ้นก็คงจะไม่งงขนาดนี้ ... นอนหลับฝันดีดีกว่าพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว Zzzzzzzz


เช้าวันที่ 10 ขอดูยอดอีกที 40 ราย ณ เวลา 10 นาฬิกา ยอด 40 คน ดูครั้งแรกนึกว่าเป็นของเหมือนวานแต่ดูอีกทีมันวันนี้นี่หว่า โอ....ยอดมันขึ้นแฮะ จบวันยอดทะลุไปที่ 285 ผ่านไป 3 วันทะลุไปที่ 330 ต่อไปอีก 2 วันยอดไป 466 เห็นกราฟแล้วมันชันมากจนหวั่นๆกลัวว่ามันจะทำพิษอีกรอบ ^_________________________________^

นรกมาเยือนจริงๆ ยอดคนเข้ารายชั่วโมงเข้าก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 18 กันยายน คือ 24 ราย .... 10 โมงแล้ว ยอดยังไม่ถึงรายชั่วโมงของเมื่อคืนเลย จบวัน ยอดตกไปเหลือ 110 ผ่านเข้าวันที่ 3 แล้วยอดมาหยุดแค่ 100 ต้นๆเล็กน้อย

คงต้องทำใจแล้ว ก้มหน้าก้มตาทำไป Update เพิ่มเติมข้อมูลเข้าเว็บ, Update Sitemap ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล หวังว่ามันจะกลับมาใหม่แต่ไม่ต้องแรงแบบนี้นะ ค่อยๆไต่ก็ได้ไม่รีบ

จากที่ได้ดำเนินการมาเข้าใจว่า Google มันงอน มันคงชอบบทความใหม่ มีข้อมูลใหม่ๆทุกวัน ไอ้เรามันก็ Update ตามเวลาที่ว่างถี่บ้าง ห่างบ้าง

TrueHits Tudsinjai.com

... ตอนที่แล้ว ตอนที่ 1


ทำเว็บมาตั้งแต่ 2542 เรียนรู้มาด้วยตนเองตลอด ต่อสู้การไต่อันดับของ Search Engine จากเว็บแรกมียอด UIP กว่า 5,000 คนต่อวัน ติดอันดับ Yahoo, Google ไม่เกิน 3 หน้า บางคำค้นหาติดหน้าแรกอันดับที่ 1 ... เว็บล่าสุดที่ดำเนินการ ก็ไต่อันดับยอด UIP จากคนเข้าแค่ 30 คน มาเกิน 100 ทุกวัน และไล่ไต่มาแต่ที่ยอด 200 คน ตามสถิติเว็บจัดอันดับที่น่าเชื่อถือของประเทศไทย คือ http://truehits.net กำลังจะไปได้สวยเลย แต่จู่ๆก็ลดพรวดลงคือเหลือแค่ประมาณ 40 คนต่อวันและดูเหมือนจะลดลงไปเรื่อยๆ

มึนตึบ


สอบถามตรวจเช็คทุกอย่าง ก็ปกติเว็บไม่ล่ม เน็ต True,TOT,3BB ก็ไม่ล่ม

สอบถามผู้ให้บริการ Host ตรวจสอบก็ปกติ

งงๆๆๆๆๆ มึนตึบเกิดจากอะไรกันว่ะเนี่ย


สงสัยในอันดับแรกเลยว่า google แน่ๆ เพราะเข้าไปดูสถิติคำค้น และ refer ที่ส่งมา google มันหายไป คำค้นเดิมๆที่มีเข้ามาทุกวันก็หายไป เหมือนมันค้นไม่เจอ ทดสอบเลยคำนี้ "ยาเขียวตราใบโพธิ์"


google analytics

Google ตกไปอยู่หน้่ที่ 11

Bing หน้าแรกลำดับที่ 2

Yahoo หน้าแรกลำดับที่ 2

AOL ตกไปอยู่หน้่ที่ 12 ซึ่ง AOL ปรับปรุงโดย Google .... สนับสนุนแนวคิดเป็นอย่างมากเลย

ฟันธงเป็นที่ Google แน่ๆ โดนแบนเหรอ ตรวจสอบแล้วตามคำแนะนำในหลายๆเว็บ ค้นหายังมีเว็บเราอยู่ แสดงว่าไม่โดนแบน

เข้าไปดูที่ Google Analytics ก็ไม่มีคำเตือน แต่กราฟยอดมันทิ่ใหัวลงเลย

เข้าไปตรวจสอบที่ Google AdSense ก็ไม่มีคำเตือนอะไร

ค้นหาต่อไป..... ไปเจอข้อมูลเว็บๆหนึ่ง http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=272917.0;imode เหมือนว่าจะโดนลักษณะเดียวกัน

แต่อ่านแล้วก็ยังงงๆ มีสิ่งเดียวที่ผมทำคือ ในทุกๆหน้าจะมี keywords หลักอยู่ชุดหนึ่ง 90 คำ แล้วจะเพิ่ม keywords ตามข้อมูลในหน้านั้นๆอีก

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้หรือเปล่า แต่ก็จะแก้ไขตัด keywords หลักทิ้งไป ให้เหลือแต่คีย์ในแต่ละหน้าแทน หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาอีกครั้ง .....

สถิติเดือน สิงหาคม

สถิติเดือน กันยายน


... อ่านต่อตอนที่ 2