June 2014 — Tudsinjai.com : Blog area : แหล่งรู้คู่การตัดสินใจ




ยาสำหรับการเดินทาง

ทุกครั้งที่ต้องเดินทางไม่ว่าจะเพื่อการไปประกอบภารกิจ เช่น ประชุมหรือสัมมนา รวมถึงการเดินทางเพื่อไปเที่ยวพักผ่อน นอกจากเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวอื่นๆแล้ว ยาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทุกท่านจะต้องเตรียมติดตัวไปเพื่อความอุ่นใจ หากเกิดการเจ็บป่วยระหว่างเดินทางจะมียาใช้ได้เองก่อนไปโรงพยาบาล

หลักการง่ายๆ คือ 
  1. เตรียมยารักษาโรคประจำตัว เช่น เป็นเบาหวาน ก็นำยาเบาหวานที่ใช้อยู่เป็นประจำไปด้วย
  2. เตรียมยารักษาหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่พบได้บ่อยๆขณะเดินทาง เช่น ปวดศีรษะ แพ้อากาศ จาม น้ำมูกไหล ท้องเสีย ผื่นแพ้คัน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นต้น
กรณีที่ไม่มีโรคประจำตัวใดๆยิ่งง่ายใหญ่ เพียงจัดเตรียมยาที่รักษาหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่มีโอกาสเป็นได้บ่อยๆ เช่น เมารถเมาเรือ แมลงสัตว์กัดต่อย บาดแผลทั่วไป แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ซึ่งยาดังกล่าวที่จริงแล้วก็คือยาสามัญประจำบ้านนั่นเอง เพียงแต่ท่านนำออกจากบ้าน  พกพาติดตัวไปด้วยในระหว่างเดินทาง

ยาแก้ปวด ลดไข้

ยาที่ใช้แก้ปวดลดไข้ที่ท่านควรมีติดตัวในการเดินทางมีชื่อว่า พาราเซตามอล นอกจากบรรเทาอาการปวดศีรษะมีไข้ ท่านยังสามารถใช้บรรเทาปวดข้อเข่าที่เกิดจากข้อเข่าเสื่อม ยานี้แม้จะถูกมองว่าเป็นยาที่มีความปลอดภัยและหาซื้อได้ง่ายทั่วไป แต่หากใช้มากไปก็เกิดอันตรายได้
ขนาดยาสูงสุดต่อวันคือไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัม ดังนั้นท่านรับประทานยาพาราเซตามอลเม็ดละ 500 มิลลิกรัม ท่านไม่ควรรับประทานเกิน 8 เม็ดต่อวัน ยิ่งไปกว่านั้นท่านไม่ควรรับประทานยาพาราเซตามอลนานติดต่อกันเกิน 5 วัน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตับได้
ยาพาราเซตามอลที่มีจำหน่ายนอกจากจะเป็นยาเม็ดที่มีตัวยาเพียงตัวเดียวแล้ว ยังอาจพบในยาเม็ดสูตรผสมได้ เช่น ยาสูตรผสมที่รับประทานแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อ ยาสูตรผสมที่รับประทานแก้หวัดคัดจมูก จึงควรระวังการรับประทานยาพาราเซตามอลร่วมกับยาอื่นที่มียาพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ เพราะอาจทำให้ได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาดยาสูงสุด

ยาแก้แพ้อากาศ จาม น้ำมูกไหล

ยาที่นิยมใช้มากคือยาลดน้ำมูกแก้แพ้อากาศที่มีชื่อว่า คลอร์เฟนิรามีน ยานี้มีสรรพคุณใช้ได้ทั้งบรรเทาอาการแพ้อากาศ จาม ลดน้ำมูก รวมไปถึงอาการผื่นแพ้คัน ลมพิษ ข้อเสียของยานี้คือการเกิดอาการง่วงซึม ปากคอแห้ง จึงไม่ควรขับรถหลังรับประทานยานี้
ในปัจจุบันมีความนิยมใช้ยาแก้แพ้อากาศที่ไม่มีฤทธิ์ในการทำให้เกิดอาการง่วงซึมเข้ามาแทนที่ยารุ่นเดิม เช่น ลอราทาดีน 
(loratadine) เซทิริซิน (cetirizine) ฟีโซฟีนาดีน (fexofenadine) ยาในกลุ่มนี้แม้จะมีข้อดีในการทำให้ไม่เกิดอาการง่วงซึม รับประทานยาเพียงวันละครั้ง แต่เห็นผลช้ากว่ายารุ่นเก่าที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม

ยาแก้เมารถเมาเรือ

ผู้ที่มีปัญหาเมารถเมาเรือทำให้เกิดอาการวิงเวียนและคลื่นไส้อาเจียนขณะเดินทาง อาจใช้ยาที่ชื่อว่า ไดแมนไฮดริเนท (dimenhydrinate) ยานี้ต้องรับประทานก่อนออกเดินทางประมาณ 30 นาที และหากการเดินทางใช้ระยะเวลานานอาจจำเป็นต้องรับประทานยานี้ซ้ำทุก 6-8 ชั่วโมง ข้อเสียของยานี้คืออาการง่วงซึม ปากคอแห้ง หากรับประทานร่วมกับยาแก้แพ้ลดน้ำมูก อาจเสริมฤทธิ์ทำให้เกิดอาการข้างเคียงเพิ่มสูงขึ้นได้

ยาแก้ท้องเสีย

ยาแก้ท้องเสียที่ควรติดตัวไว้ขณะเดินทางคือ ผงน้ำตาลเกลือแร่ ซึ่งสิ่งที่ต้องเข้าใจในการใช้คือการพิจารณาที่ซองว่าบรรจุว่าผสมน้ำขนาดเท่าไร ที่สำคัญวิธีใช้ผงเกลือแร่ที่ถูกต้องคือค่อยๆจิบทีละน้อย มิใช่การดื่มหมดแก้วในครั้งเดียว
ยาอีกประเภทที่ควรติดไว้ขณะเดินทางคือผงถ่านคาร์บอนอาจอยู่ในรูปแบบเม็ด หรือแคปซูลก็ได้ ยานี้ควรรับประทานตอนท้องว่างห่างจากอาหารและยาอื่นๆประมาณ 1-2 ชั่วโมง ผงถ่านคาร์บอนจะช่วยดูดซับพิษที่ทำให้ท้องเสีย ดูดซับแก๊ส ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้

ยาแก้ผื่นแพ้คัน แมลงสัตว์กัดต่อย

นอกจากใช้ยาเม็ดแก้แพ้ชนิดรับประทานคลอร์เฟนิรามีน หรือลอราทาดีน ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น อาจเตรียมยาทาแก้แพ้แก้คัน เช่น คาลาไมน์โลชั่น หรือยาทาแก้แพ้ที่ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ซึ่งบรรเทาอาการแพ้คันทั่วไป ส่วนยาทาแก้แพ้ที่มีสเตียรอยด์เป็นส่วนประกอบจะออกฤกธิ์ได้ดีและแรงกว่า แต่ก็ควรใช้เพียงเพื่อบรรเทาอาการก่อนไปโรงพยาบาล

ยาทาบาดแผล แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก

อาจเตรียมชุดทำแผลขนาดเล็ก ยาทาแผลสด ได้แก่ โพวิโดน ไอโอดีน ไว้ทาบาดแผลทั่วไป ส่วนกรณีของแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ยาที่ปลอดภัยคือเจลหว่านหางจระเข้ที่ออกฤทธิ์ช่วยสมานผิว ลดอาการแสบร้อนระคายเคือง

นอกเหนือจากยาสามัญประจำบ้านแล้วจะใช้อะไรเป็นแนวทางกำหนดในการเตรียมยาสำหรับเดินทางได้อีก

นอกจากยารักษาอาการเจ็บป่วยทั่วไปแล้ว อาจพิจารณารายการยาอื่นๆตามความเหมาะสมของสภาพภูมิอากาศหรือภูมิประเทศในการเดินทางด้วย เช่น หากเป็นช่วงหน้าฝนอาจเน้นเตรียมยารักษาอาการหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล หากต้องการเดินทางไปยังบริเวณที่คาดว่าอาจต้องรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด ควรติดยารักษาอาการท้องเสียเพิ่มมากขึ้น หากต้องเข้าไปในพื้นที่ซึ่งเป็นป่าเขามียุงหรือแมลงเป็นจำนวนมาก อาจติดยาทากันยุงเพิ่มเติมเข้าไปด้วย

หากมีโรคประจำตัวจะเตรียมยารักษาโรคประจำตัวไปเพียงใดถึงจะเพียงพอ

ถ้าท่านมีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหืด ควรเตรียมยารักษาโรคประจำตัวเหล่านั้นไปให้พร้อมโดยเตรียมยาเผื่อไว้มากกว่ากำหนดการเดินทางจริงประมาณ 2-3 วัน เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถเดินทางกลับได้ตามที่กำหนดจะได้มียาเหลือไว้ใช้
ในกรณีที่ท่านเป็นโรคเบาหวานและจำเป็นต้องได้รับยาฉีดอินซูลิน ท่านสามารถนำยาอินซูลินไปด้วย โดยระหว่างเดินทางท่านควรนำยาใส่กระติกที่บรรจุน้ำแข็งซึ่งสามารถเก็บอุณหภูมิได้ เมื่อถึงที่พักจึงเก็บยาอินซูลินเข้าตู้เย็น แต่หากไม่มีตู้เย็นก็ไม่เป็นไร เพราะยาฉีดอินซูลินสามารถอยู่ในอุณหภูมิห้องได้เป็นเวลา 30 วัน อย่างไรก็ตามห้องนั้นต้องไม่ร้อนมากหรือต้องไม่โดนแดด และไม่ควรเก็บยาอินซูลินรวมถึงยาอื่นๆภายในรถที่จอดตากแดดเป็นเวลานาน หรือเก็บไว้หลังรถ เนื่องจากอินซูลินจะเสียได้
ในกรณีที่มีโรคประจำตัวควรเก็บยาไว้กับตัวจะเป็นการดีที่สุดเพื่อให้สามารถหยิบใช้ได้ทันท่วงที เช่น กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย ควรมียาอมใต้ลิ้นไว้ใช้เมื่อมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก
กรณีเดินทางไปต่างประเทศควรศึกษาระเบียบของประเทศที่จะต้องเดินทางไปว่าสามารถนำยาติดตัวไปได้เพียงไรถึงจะไม่ผิดกฎเกณฑ์ของประเทศนั้นๆ
การเตรียมยาสำหรับการเดินทางควรพิจารณาถึงความจำเป็นและโรคประจำตัวของผู้ที่เดินตามแนวทางที่กล่าวไว้ข้างต้น การนำยาติดตัวไปด้วยนั้นควรพิจารณารายการยาและจำนวนให้เหมาะสมสอดคล้องกับจำนวนสมาชิกผู้เดินทางและระยะเวลาในการเดินทาง หากท่านเตรียมตัวได้เช่นนี้แล้ว การเดินทางของท่านคงสบายใจได้หากมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยเกิดขึ้นขณะเดินทาง

ข้อมูลจาก HealtToday ฉบับที่ 150 เดือนตุลาคม 2556 หน้าที่ 80-82 เขียนโดย ภก.จตุพร ทองอิ่ม

ชั่วโมงเร่งรีบเข้าใจอยู่ว่าแม้เพียงเสี้ยววินาทีก็มีค่ายิ่งกับคุณผู้หญิงทำงานด้วยแล้ว แต่ละนาทีทำอะไรได้หลายอย่างมากมาย แต่รู้หรือเปล่าว่าการละเลยอาหารเช้า ดื่มกาแฟเพียงถ้วยเดียวแล้วอยู่ยาวไปจนเที่ยง อาจจะทำร้ายร่างกายคุณได้มากกว่าที่คิด

ประโยชน์อาหารเช้า...

  • สมองจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ค่ะแล้วคิดดูว่าตลอดทั้งคืนกว่า 8 ชั่วโมงบวกกับเวลาเร่งรีบในยามเช้า ความกดดันความเครียดจากการทำงานไปจนถึงเที่ยง สมองที่ถูกบีบเค้นให้ใช้งานและเรียกร้องความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลานั้น การที่สมองไม่ได้รับสารอาหารใดๆเลยนั้น การกระทำแบบนี้อาจจะทำให้สมองฝ่อไปโดยไม่รู้ตัวได้ค่ะ
  • ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ หลายโปรแกรมยอมรับแล้วว่ามื้อเช้าเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ลดน้ำหนักลงได้ (แต่ควรลดมื้อเย็นหลัง 6 โมงด้วยนะคะ)
  • ช่วยทำให้อารมณ์โมโหหงุดหงิดลดลง เพราะไม่แน่ว่าการที่คุณหงุดหงิด เหวี่ยงใส่ลูกน้องแต่เช้า ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่ร่างกายกำลังหิวจนเครียดโดยที่คุณไม่รู้ตัวก็เป็นได้

รู้ทั้งรู้ว่ามื้อเช้าสำคัญก็ยังยอมจำนนกับชั่วโมงเร่งรีบ ไม่มีเวลา กินไม่ทัน เราจึงเตรียมเมนูมื้อเช้าง่ายๆที่รู้อยู่แล้วแต่อาจนึกไม่ออก

1 สัปดาห์กับมื้อเช้าคุณภาพ

วันจันทร์ ขนมปังปิ้ง(โฮลวีต)+แยมผลไม้(หวานน้อย) ขนมปังปิ้งหรือไม่ปิ้งก็ได้กินกับแยมผลไม้ น้ำผึ้ง เนยถั่ว หรือทำเป็นแซนด์วิช เพิ่มมายองเนสหรือตับบด อย่างน้อยมื้อเช้าก็ได้คาร์โบไฮเดรตเพิ่มพลังงาน ส่วนน้ำผึ้งมีสารแอนติออกซิแดนซ์ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ ตามด้วยนมอุ่นๆผสมน้ำผึ้งสักแก้วก็ถือว่าวอร์มร่างกายก่อนรับความยุ่งเหยิงในแต่ละวันได้ดี


วันอังคาร โยเกิร์ต หรือนมอุ่นผสมโกโก้+ขนมปัง จากที่ตื่นมาแล้วชงกาแฟก็เปลี่ยนมาเป็นนมอุ่นๆผสมโกโก้ นมช่วยเสริมแคลเซียมและเพิ่มโปรตีนให้ร่างกาย หรือโยเกิร์ตผสมผลไม้ เช่น ส้ม สับปะรด ถั่วแดง ลูกเดือย ปิดท้ายด้วยขนมปังไส้หมูหยอง โยเกิร์ตจะช่วยเรื่องระบบขับถ่ายเมื่อระบบขับถ่ายดีก็ช่วยให้ผิวสวยด้วย



วันพุธ ผลไม้สดหรือน้ำผลไม้ ไม่รักใคร่คาร์โบไฮเดรตไม่เป็นไรค่ะ เลือกผลไม้ที่ชอบและอุดมวิตามินติดตู้เย็นไว้ ส้มที่ให้ทั้งไฟเบอร์และวิตามินซี หรือแอปเปิ้ลที่มีสารช่วยต้านมะเร็ง ส่วนกล้วยมีสรรพคุณช่วยบรรเทาโรคกระเพาะอาหารที่แทบจะเป็นโรคประจำตัวของคนทำงาน ตามต่อด้วยน้ำผลไม้ 1 แก้ว (เลือกที่น้ำตาลน้อย) ถ้ายังไม่อิ่มก็ตามด้วยขนมปังไปอีกสองชิ้น คาร์โบไฮเดรตจะทำให้มีพลังงานมากขึ้น



วันพฤหัสบดี ซีเรียลผสมนมสด นมเปรี้ยว หรือน้ำผลไม้ เติมผลไม้สดหรือเมล็ดผลไม้แห้งที่ชอบ เช่น เมล็ดทานตะวันที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ช่วยให้ผิวสวยและชุ่มชื้น ส่วนลูกเกดที่มีผลการทดลองจากมหาวิทยาลัยอิลลินอย ชิคาโก พบว่าลูกเกดช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก บางสายพันธุ์ทำให้เกิดโรคในช่องปาก หรือวันไหนเบื่อก็เปลี่ยนเป็นลูกเดือย ข้าวโพด หรือผลไม้สดบ้างก็ได้



วันศุกร์ ข้าวโอ๊ตหรือโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป เปลี่ยนจากมื้อเช้าจืดๆมาเติมรสชาติของคาวกันบ้าง ด้วยโจ๊กใช้เวลาปรุงแค่เติมน้ำร้อน 3-5 นาที เติมผักสด ไข่ต้อม หรือไข่ลวก ชอบเผ็ดก็เติมพริกป่น หรือพริกไทยลงไปด้วยก็ได้ ใส่หมูหยอง หมูยอลวก ก็เป็นการเพิ่มโปรตีนได้ง่ายๆ

ส่วนเสาร์ อาทิตย์ไม่ต้องไปทำงาน อย่าลืมที่จะเลือกมื้อเช้าที่มีคุณภาพให้ได้อร่อยกันทั้งบ้าน


ข้อมูลจาก : นิตยสาร Well ฉบับที่ 6 พฤศจิกายน - ธันวาคม 2556 หน้า 45-46 เรื่องโดย มอลลี่