ข้อแนะนำในการใช้ยาแก้แพ้
1.เพื่อให้การออกฤทธิ์ของยามีประสิทธิภาพสูงสุด ควรใช้ก่อนรับสิ่งที่ทำให้แพ้หรือใช้ทันทีที่แพ้แล้ว
2.ยาแก้แพ้ส่วนใหญ่มักมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงมาก หากจำเป็นต้องทำงานด้วยอาจเลี่ยงไปใช้ยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดอาการง่วง เช่น เทอร์เฟนาดีน (Terfenadine) แอสทิมิโซล (Astemizole)
3.ห้ามกินยาแก้แพ้ร่วมกับยาที่มีฤทธิ์กดสมอง เช่น เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ยานอนหลับ ยากันชัก
4.ในกรณีหอบหืด ซึ่งแม้จะเป็นอาการแพ้อย่างหนึ่งก็ตาม แต่การใช้ยาแก้แพ้จะไม่ได้ผลและยังก่อให้เกิดผลเสีย หากเสมหะข้นเหนียวอาจอุดตันหลอดลมและเป็นอันตรายได้
5.ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบและเด็กคลอดก่อนกำหนด สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบควรระวังการใช้ยานี้ เนื่องจากเด็กมีความไวในการตอบสนองต่อยานี้มาก อาการข้างเคียงของยาอาจเกิดในทางกลับกันคือแทนที่เด็กจะง่วงนอน กลับนอนไม่หลับ ร้องไห้กวน โยเย เด็กบางคนจะมีอาการใจสั่น ตื่นเต้น หรือถึงกับชักถ้าได้รับยาในขนาดสูงๆ
6.ในหญิงมีครรภ์มักใช้ยาแก้แพ้ในรูปของยาแก้แพ้ท้อง ควรใช้เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร สำหรับหญิงให้นมบุตรการกินยาแก้แพ้อาจทำให้นมลดน้อยลงและยาจะขับออกทางน้ำนม จึงควรให้ลูกงดนมแม่ ดูดนมขวดชั่วคราวขณะใช้ยา
ลิขสิทธิ์ : ภญ.พูลสุข จันทร์วัฒนเดชากุล
ภาพประกอบจาก : healthandtrend.com