ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำเป็นต่อชีวิตหรือไม่

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ในปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคของคนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากการกินอาหารวันละ 3 มื้อ ปรุงสด กินอาหารที่ไม่ต้องดัดแปลงหรือบ่มเก็บไว้นาน ยิ่งมีความเร่งรีบในการดำรงชีวิตการกินอาหารให้ครบ 3 มื้อจึงเป็นเรื่องที่ยากขึ้น อาหารประเภทจานด่วนหรือห่อกินด่วนจึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ตัวเลขกว่า 40% กินไม่ครบ 3 มื้อ และใน 40% นี้กว่า 20% รับประทานอาการกึ่งสำเร็จ อาหารจำพวกนี้มีแต่แป้ง ไขมัน และสารเคมีปรุงแต่ง จึงทำให้ร่างกายรับสารอาหารไม่ครบถ้วน มีไขมันสะสมทำให้อ้วนง่าย จึงทำให้หลายๆคนคิดว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะมาช่วยเติมในส่วนที่ขาดนี้ได้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิดโฆษณาสรรพคุณของตนเองว่าสามารถช่วยให้ผิวสวย ผิวขาว ใบหน้าไม่เหี่ยวย่น หน้าอกเต่งตึง มีรูปร่างที่กระชึบขึ้น เสริมสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันโรคต่างๆได้

ในแง่ของความเป็นจริงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ใช่สิ่งทดแทนอาหาร ไม่ใช่ยา ไม่ใช่อาหารเสริมความงาม แต่ใช้เพื่อเสริมอาหารเท่านั้น หากเรารับประทานอาหารและได้รับสารอาหารครบถ้วนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะกลายเป็นสิ่งเกินความจำเป็นไป แต่เนื่องจากพฤติกรรมในการบริโภคของเราๆท่านๆ ความเจ็บป่วย ความชรา วัยที่แตกต่างกัน เพศ กิจกรรมต่างๆ ทำให้มีความต้องการสารอาหารแตกต่างกัน ผู้ที่ขาดสารอาหารนั้นๆจึงต้องเสริมอาหารเข้าไป เช่น เสริมแคลเซียมในหญิงมีครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้อง อาเจียนอาหารออกหมดจึงอาจได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ หรือผู้หญิงที่มักสูญเสียธาตุเหล็กไปกับประจำเดือน จึงควรเสริมอาหารที่มีธาตุเหล็ก หากรับประทานไม่เพียงพอก็อาจหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาทดแทน ซึ่งควรจะทดแทนในช่วงที่มีประจำเดือนเท่านั้น หรือในรายของผู้ที่ระบบย่อยอาหารและระบบดูดซึมเสื่อมลง ก็ต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทโปรตีน วิตามิน ทดแทน


เราลองมาดูนิยามระหว่างอาหารและยาว่าแตกต่างกันอย่างไร

คำว่า ยา คือ สิ่งที่ใช้ในการรักษาโรค มีการทดสอบผลการรักษาและอนุญาติให้ใช้กับผู้ป่วย

คำว่า อาหาร คือ อาหารและเครื่องดื่มที่เรารับประทานกันเป็นปกติ

คำว่า อาหารเสริม คือ อาหารที่จำเป็น ขาดไม่ได้ เช่น อาหารเสริมสำหรับเด็กหลังจากหย่านมแม่

คำว่า อาหารเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ คือ อาหารสำหรับผู้ป่วย เช่น อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไตจะมีปริมาณเกลือต่ำ

คำว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการบริโภคเพื่อเสริมอาหาร ไม่ใช่ยา และไม่ใช้กับคนป่วย

*** นิยามจาก ดร.เริงฤทธิ์ สัปปพันธ์ ปริญญาเอกด้านสารธรรมชาติทางการแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ผักและผลไม้


ตารางแสดงความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันในชาย หญิง และสตรีมีครรภ์

สารอาหาร ชาย หญิง สตรีมีครรภ์
วิตามินเอ (ไมโครกรัม) 900 700 770
วิตามินบี 1 (มิลลิกรัม) 1.2 1.1 1.4
วิตามินบี 2 (มิลลิกรัม) 1.3 1.1 1.4
วิตามินบี 5 (มิลลิกรัม) 5 5 6
วิตามินบี 6 (มิลลิกรัม) 1.3 1.3 1.9
วิตามินบี 12 (ไมโครกรัม) 2.4 2.4 2.6
วิตามินซี (มิลลิกรัม) 90 75 85
วิตามินดี (ไมโครกรัม) 15 15 15
วิตามินอี (มิลลิกรัม) 15 15 15
วิตามินเค (ไมโครกรัม) 120 90 90
ไนอะซิน (มิลลิกรัม) 16 14 18
ไบโอดิน (ไมโครกรัม) 30 30 30
โฟเลต (ไมโครกรัม) 400 400 600
โคลีน (มิลลิกรัม) 550 425 450

*** จากหนังสือ "คู่มืออาหารเสริมฉบับสมบูรณ์ หน้าที่ 11"

จากงานวิจัยพบว่าคนส่วนใหญ่มักจะขาดวิตามินบี 6 ไนอะซิน วิตามินซี แคลเซียม วิตามินอี เหล็ก แมกนีเซียม และไอโอดีน ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ร้อยละ 15 คนมักจะขาดวิตามินบี 12 ผู้หญิงมักจะขาดโฟเลต ทารก คนชราและคนอ้วนมักขาดวิตามินดี ผู้ป่วยลำไส้อักเสบจะขาดวิตามินซี โฟเลต วิตามินบี 12 เหล็ก สังกะสี และเบต้าแคโรทีน และเด็กมักจะรับประทานผักผลไม้น้อยทำให้ขาดวิตามินซี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงมีความจะเป็นต่อคนบางกลุ่มซึ่งร่างกายได้รับจากอาหารไม่เพียงพอ

จากที่กล่าวมา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำเป็นหรือไม่จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า หากเรารับประทานอาหารครบถ้วนมีร่างกายที่สมบูรณ์ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากิน หากมีภาวะหรือความจำเป็นต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก็ควรตัดสินใจเลือกให้เหมาะสม และจ่ายในราคาที่ยุติธรรม